---คำแปลข่าว--- (Announcer) ช่วง "Sekai no ima" (World today) ประจำคืนนี้มาจากประเทศไทยค่ะ ประเทศไทยกำลังสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับสิ่งที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของประเทศ ซึ่งสิ่งนี้ยังมีชื่อเสียงอย่างมากในหมู่นักท่องเที่ยวอีกด้วย เชิญคุณทาคาตะ รายงานจากกรุงเทพฯค่ะ (Takata) ครับ ขณะนี้ผมอยู่ที่เยาวราช ไชน่าทาวน์ของเมืองไทยซึ่งขณะนี้เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ที่นี่มีร้านค้า ร้านอาหารมากมาย เช่น หูฉลาม ซีฟู้ด รวมถึงสินค้าของฝากแบบจีนเรียงรายทั่วท้องถนน คึกคักเป็นอย่างมากครับ และที่โด่งดังอย่างมากในหมู่นักท่องเที่ยวคือ นี่ครับ รถสามล้อของไทย หรือที่เรียกว่า รถตุ๊กๆ ซึ่งหลังจากนี้ประเทศไทยอาจมีการเปลี่ยนโฉมรถตุ๊กๆครั้งใหญ่เลยทีเดียว

(Report)
รถตุ๊กๆสีสันสดใสที่วิ่งอยู่บนถนนในประเทศไทยนั้น อาจเปลี่ยนโฉมใหม่กลายเป็นยานพาหนะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ขณะนี้รัฐบาลไทยกำลังเริ่มทำตามนโยบายที่จะเปลี่ยนรถตุ๊กๆเดิมทั้งหมดให้เป็นรถตุ๊กๆไฟฟ้า

รถตุ๊กๆสีสันสดใสสวยงาม ทั้งสีฟ้า สีเหลือง สีเขียว และสีชมพูเหล่านี้มีชื่อเสียงในหมู่นักท่องเที่ยวในฐานะสัญลักษณ์ของประเทศไทย

(เสียงสัมภาษณ์นักท่องเที่ยวจากแคนาดา)
"สนุกมาก ดีสำหรับนักท่องเที่ยว เป็นอะไรที่ตื่นเต้นเร้าใจมากค่ะ"

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เสียงวิจารณ์จากคนท้องถิ่นก็มีให้ได้ยินเช่นเดียวกัน

(เสียงสัมภาษณ์คนไทย)
"ควันดำเยอะ ทำให้อากาศเสีย"

(เสียงสัมภาษณ์คนไทย)
"ทำให้เกิดมลภาวะ เสียงดังหนวกหู"

ปัจจุบันประเทศไทยมีรถตุ๊กๆประมาณ 22,000 คันที่วิ่งในตัวเมือง ถึงแม้รถตุ๊กๆจะใช้น้ำมันหรือก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง แต่ก็มีรถตุ๊กๆจำนวนมากที่ใช้งานมานานจนเก่าซึ่งรถตุ๊กๆเหล่านี้จะปล่อยควันพิษ และเสียงดัง ทำให้มีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ชอบใจ

รัฐบาลไทยได้รับรู้ถึงเสียงวิจารณ์เหล่านี้และริเริ่มนโยบายนี้ขึ้นมา

(เสียงสัมภาษณ์ รองศาตราจารย์ ดร.อภิชิต เทอดโยธิน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
ที่ปรึกษาของรัฐบาลในโครงการนี้)
"หากเราสามารถเปลี่ยนรถตุ๊กๆเดิมเป็นรถตุ๊กๆไฟฟ้าได้ก็จะช่วยลดปัญหามลภาวะในสิ่งแวดล้อม และเป็นการประหยัดพลังงานได้ด้วย"

รัฐบาลไทยได้ประกาศแผนที่จะเปลี่ยนรถตุ๊กๆตามท้องถนนในปัจจุบันให้เป็นรถตุ๊กๆไฟฟ้า หรือ e tuk tuk ทุกคันภายในปี2022 หากทำสำเร็จจะสามารถช่วยลดการใช้พลังงานได้ถึง 2หมื่นตัน

(เสียงสัมภาษณ์ รองศาตราจารย์ ดร.อภิชิต เทอดโยธิน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
ที่ปรึกษาของรัฐบาลในโครงการนี้)
"รถตุ๊กๆเป็นรถที่ไม่ว่านักท่องเที่ยวจะมาจากที่ไหนก็อยากจะนั่งสักครั้ง ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของประเทศไทย เราก็อยากสื่อให้ได้เห็นว่าประเทศไทยมีความตั้งใจจริงในเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อม เราจึงเริ่มจากรถตุ๊กๆเป็นอย่างแรก"

ขณะเดียวกันก็มีบริษัทที่เดินหน้าพัฒนาและผลิตรถ e tuk tuk นี้แล้ว

สำหรับรถทดลองวิ่งคันนี้ หากชาร์จเต็มที่ที่2.30ชม.จะสามารถวิ่งได้ระยะทาง80กม.โดย 1กม.จะมีต้นทุนพลังงานที่ 0.5บาท (ประมาณ6เยน) ซึ่งลดลงจากต้นทุนพลังงานเดิมกว่าครึ่ง

(Takata)
"e tuk tuk คันนี้เงียบมากนะครับ แทบไม่มีการสั่นสะเทือนเลย นั่งสบายมากครับ"

(คุณกฤษดา CEO บ.เออร์เบิน โมบิลิตี้ เทค)
"รถ e tuk tuk คันนี้ไม่มีกลิ่น ไม่มีควัน ไม่มีเสียง ลองจินตนาการดูว่าถ้ารถทุกคันที่วิ่งบนถนนเป็นแบบนี้ทั้งหมดก็คงจะดีมากเลยนะครับ"

รัฐบาลไทยมีโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือในการเปลี่ยนรถตุ๊กๆเก่าแบบเดิมเป็น e tuk tuk โดยจะช่วยเหลือตามวงเงิน สูงสุดอยู่ที่ 350,000บาทต่อ 1 คัน
และตั้งเป้าว่าจะเปลี่ยนให้ได้100คัน ภายในปีหน้า
แต่การที่รัฐบาลประกาศเช่นนี้ ก็มีเสียงกังวลจากผู้ขับขี่สามล้อบางกลุ่ม

(เสียงสัมภาษณ์คนขับสามล้อ)
"จะให้เปลี่ยนทันทีก็คงไม่ได้ ต้องลองดูก่อน ถ้าดีก็ค่อยคิดดู"

(เสียงสัมภาษณ์คนขับสามล้อ)
"ชาร์จไฟแต่ละครั้งก็ใช้เวลานาน แล้วให้ชาร์จที่ไหน สมมติแบตหมดกลางทางจะทำยังไง"
จนถึงปัจจุบันนี้จำนวนรถยนต์ไฟฟ้าที่ลงทะเบียนในประเทศไทยมีเพียง 67 คันเท่านั้น การเพิ่มจำนวนที่ชาร์จไฟตามถนนที่ปัจจุบันยังคงมีจำนวนน้อยยอยู่นั้นนับเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำควบคู่กันไป

อีกทั้งปัญหาการใช้งานในสภาพฝนตกหนัก หรือน้ำท่วมก็เป็นเรื่องที่มองข้ามไปไม่ได้ รวมถึงเรื่องเสียงเครื่องยนต์ที่นับว่าเป็นเสน่ห์ของรถตุ๊กๆซึ่งมีบางความเห็นบอกว่า เมื่อไม่มีเสียงเครื่องยนต์จึงทำให้อรรถรสในการนั่งหายไป

ต้องรอดูกันต่อไปว่า ประเทศไทยจะสามารถปรับเปลี่ยนรถตุ๊กๆให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังคงเสน่ห์ของรถตุ๊กๆในแบบดั้งเดิมไว้ได้หรือไม่

(ผู้ประกาศ)
ดิฉันเองก็เคยได้ลองนั่งตุ๊กๆอยู่เหมือนกันค่ะ แต่ถ้าเสียงเครื่องยนต์ดังๆที่เป็นเอกลัษณ์ของตุ๊กจะหายไปเเบบนี้ก็น่าเสียดายเหมือนกันนะคะ

ครับ มาลองฟังเสียงเครื่องยนต์ตุ๊กๆเเบบปัจจุบันก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงกันสักหน่อยนะครับ ....เป็นอย่างไรบ้างครับ จริงๆเเล้วชื่อรถตุ๊กๆนั้นมาจากเสียงเครื่องยนต์นี่เองครับ ถ้าเสียงเเบบนี้หายไปจากรถตุ๊กๆ ความเป็นไทยก็อาจจะลดลงไปบ้างเหมือนกัน แต่อย่างไรก็ตามจากการพูดคุยกับที่ปรึกษาโครงการของทางรัฐบาลได้ให้ข้อมูลกับเราว่า จริงๆเเล้วรถตุ๊กๆไฟฟ้านั่นถึงแม้จะไม่มีเสียงเครื่องยนต์ แต่ก็อาจจะมีการติดตั้งเสียงเครื่องยนต์เพิ่มเติมไปเพื่ออรรถรสในการนั่ง ซึ่งในการเปลี่ยนแปลงรถตุ๊กๆครั้งนี้เป็นการแสดงให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกเห็นว่าประเทศไทยนั้นให้ความสำคัญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมนั่นเองครับ